Saturday 5 May 2012

ไนอาซินาไมด์

โภชนาการรักษาโรค
ไนอาซินาไมด์

ไนอาซินาไมด์ (Vitamin B3)
       ไนอาซินาไมด์ เป็นผลึกรูปเข็มไม่มีรสขม ละลายได้ง่ายในน้ำร้อน รูปที่เป็น Amide หรือ Nicotinamide ละลายได้ง่ายกว่ารูปที่เป็นกรดนิโคทินิก (Nicotinic acid) หรือ ไนอาซิน

การดูดซึมของไนอาซินาไมด์
       กรดนิโคตินิก และนิโคตินาไมด์ ในอาหารจะถูกดูดซึมได้ง่ายที่ลำไส้เล็ก เมื่อเข้าไปในร่างกายเนื้อเยื่อต่างๆ จะนำไปสังเคราะห์ NAD (Nicotinamide Adenine Dinucleotide) และ NADP (Nicotinamide Adenine Dinucleotide Phosphate) Niacin ส่วนที่มากเกินความต้องการของร่างกายจะถูกกำจัดออกมาทางปัสสาวะ ร่างกายมนุษย์สามารถสังเคราะห์ไนอาซินได้เองจาก Tryptophan โดยที่ 60 มิลลิกรัมของ Tryptophan จะได้ ไนอาซิน 1 มิลลิกรัม

ประโยชน์ของไนอาซินนาไมด์
       1.เป็นส่วนประกอบของ Coenzyme ซึ่งเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาหลายอย่างในร่างกาย  เช่น ช่วยในการแตกตัวของน้ำย่อย และใช้โปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรท
          2.ช่วยบำรุงสมองและประสาท
          3.ช่วยรักษาสุขภาพของผิวหนังลิ้น และเนื้อเยื่อของระบบย่อยอาหาร
          4.จำเป็นสำหรับ การสังเคราะห์ฮอร์โมนเพศ
          5.ช่วยลดระดับ Cholesterol ในเลือด

ความต้องการไนอาซินาไมด์
       ความต้องการไนอาซินาไมด์ขึ้นอยู่กับปริมาณแคลอรี่และโปรตีนที่รับประทาน National Research Council แนะนำว่าปริมาณที่ควรจะได้รับ ให้ยึดเอาปริมาณแคลอรี่ที่บริโภค คือ 6.6 มิลลิกรัม ต่อ 1,000 กิโลแคลอรี่ต่อวัน และเนื่องจาก Tryptophan สามารถเปลี่ยนไปเป็นไนอาซินาไมด์ได้โดยที่ 60 มิลลิกรัมของ Tryptophan จะให้ Niacin 1 มิลลิกรัม

ปริมาณที่แนะนำให้บริโภคแต่ละวัน คือ
 
       เมื่อการเผาผลาญเพิ่มขึ้น ความต้องการไนอาซินาไมด์จะเพิ่มขึ้น  เช่น เป็นไข้ บาดเจ็บ เด็กในระยะกำลังเจริญเติบโตและหลังจากออกกำลังกาย

ผลของการขาดไนอาซินาไมด์
       การขาดไนอาซินาไมด์ ทำให้เกิดโรคเพลลากรา (Pellagra) ซึ่งมีอาการเริ่มแรก คือ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ น้ำหนักตัวลด ปวดแสบปวดร้อนปาก ปวดศีรษะ ปวดหลัง ต่อมามีอาการมากขึ้น คือ
         1.มีอาการอักเสบของปาก ลิ้นและลำคอ ตลอดลงไปในทางเดินอาหาร ลิ้นและริมฝีปากแดง จะทำให้รับประทานและกลืนอาหารลำบาก
         2.อาจมีอาการหลั่งกรดเกลือในกระเพาะอาหารลดน้อยลงและมีอาการซีด ซึ่งคล้ายๆ กับเป็นโรคโลหิตจางชนิด เพอร์นิเชียส (Pernicious anemia)
         3.มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และท้องร่วงอย่างรุนแรงตามมา
         4.มีอาการผิวหนังอักเสบนอกร่มผ้า  เช่น ตามบริเวณหลังมือ ปลายแขน ข้อศอก หลังเท้า ขา หัวเข่า และลำคอ อาการผิวหนังอักเสบเริ่มต้นด้วย ผิวหนังแดง บวมเล็กน้อย และอ่อนนุ่มคล้ายกับโดนแดดเผาถ้าไม่รีบรักษาผิวหนังจะหยาบ แห้งแตกเป็นเกร็ดและลอก ถ้าถูกแสงแดดหรือถูกความร้อน จะทำให้ผิวหนังอักเสบมากขึ้น
         5.มีอาการทางระบบประสาท ได้แก่ ความคิดสับสน มึนงง ความจำเสื่อม ตื่นเต้นง่าย ฟุ้งซ่าน ขาดสมาธิ จิตใจหดหู่ เพ้อและประสาทหลอน ถ้ามีอาการรุนแรงมากก็ถึงขั้นเสียชีวิต
         โรคเพลลากรานี้รู้จักกันดีว่าเป็นโรค 4 DS Disease ซึ่งหมายถึง มีอาการสำคัญ 4 DS คือ ผิวหนังอักเสบนอกร่มผ้า (Dermatitis) อาการท้องเสีย (Diarrhea) อาการทางจิตและประสาท (Dementia) และตาย (Death)

แหล่งอาหารที่ให้ไนอาซินาไมด์
       วิตามินนี้สามารถสังเคราะห์ได้โดยบัคเตรีในลำไส้ใหญ่ แต่ปริมาณที่สังเคราะห์ได้ไม่พอกับความต้องการของคน ต้องรับประทานจากอาหาร อาหารที่มีไนอาซินาไมด์มาก คือ ตับ เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ ยีสต์ ปลา ถั่วเมล็ดแห้ง และเครื่องในสัตว์ อาหารจากพืชมีไนอาซินาไมด์น้อยกว่าอาหารที่มาจากสัตว์ อาหารพวกนมมีไนอาซินาไมด์น้อยก็จริง แต่มีทริปโตเฟนมาก จึงเป็นแหล่งเกิดของไนอาซินาไมด์ทางอ้อม อาหารพวกข้าวทุกชนิดมีไนอาซินาไมด์มาก ยกเว้นข้าวโพด ข้าวโพดมีไนอาซินาไมด์และทริปโตเฟนต่ำกว่าข้าวชนิดอื่น นอกจากนี้ไนอาซินาไมด์ในข้าวโพดยังเป็นชนิดที่ไม่มีอิสระหรือรวมอยู่กับสารอื่น ทำให้ใช้ประโยชน์ไม่ได้เต็มที่

No comments:

Post a Comment