Thursday, 3 May 2012

น้ำฝรั่ง


โภชนาการรักษาโรค
น้ำฝรั่ง

ฝรั่ง (Psidium guajava Linn.)
       ฝรั่งเป็นผลไม้พื้นเมืองของอเมริกากลาง แต่ได้นำมาปลูกในประเทศที่มีอากาศร้อนทั่วๆ ไป โดยเฉพาะในประเทศไทย นำเข้ามาปลูกเป็นไม้ผลและให้ร่มเงา ฝรั่งจัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดย่อม ปลูกได้ทั่วไปทุกแห่งของประเทศ นิยมรับประทานกันโดยทั่วไป เนื่องจากราคาค่อนข้างถูก ในปัจจุบันผลของฝรั่งนอกจากจะใช้รับประทานสดแล้ว ฝรั่งยังสามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชนิดต่างๆ ได้อีก  เช่น เครื่องดื่มน้ำฝรั่งหวานเข้มข้น เครื่องดื่มน้ำฝรั่งสดปรุงรสบรรจุขวด และเครื่องดื่มสำเร็จน้ำฝรั่งผง ซึ่งเมื่อละลายน้ำคืนรูปเป็นน้ำฝรั่งจะยังคงมีกลิ่นของฝรั่งอยู่และมีสีคล้ายฝรั่งสด

คุณค่าทางอาหารของฝรั่ง
       ฝรั่งเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารที่น่าจะกล่าวถึงดังนี้ คือ ในฝรั่ง 100 กรัม จะมีไขมันเพียงแค่ 0.1 กรัม มีวิตามินซีสูงมากถึง 160 มิลลิกรัม เมื่อเทียบกับผลไม้ชนิดอื่น  เช่น ส้มเขียวหวาน จะให้วิตามินซีเพียงแค่ 18 มิลลิกรัมเท่านั้น ถ้าคิดเป็นจำนวนเท่าจะให้วิตามินซีน้อยกว่าฝรั่งมากถึง 9 เท่า วิตามินซีจะช่วยป้องกันและบรรเทาอาการโรคเลือดออกตามไรฟันได้ดีแล้ว ยังช่วยให้สารอาหารอื่นๆ ทำงานได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนั้นในผลฝรั่งยังมีวิตามินเอ บี1 บี2 บี6 แคลเซียม และไฟเบอร์ ซึ่งแสดงรายละเอียดไว้ในตารางข้อมูลที่ 1 และ 2

ตารางที่ 1 แสดงคุณค่าทางอาหารของฝรั่ง
จากส่วนที่รับประทานได้ 100 กรัม

…………………………………………………………
(กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข 2530)


ตารางที่ 2 แสดงการเปรียบเทียบปริมาณวิตามินซีในฝรั่งกับผลไม้บางชนิด
………………………………………………………
(กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข 2530)


ประโยชน์ของวิตามินซีในน้ำฝรั่งต่อสุขภาพ
       จากการศึกษาคุณค่าทางด้านอาหารพบว่า น้ำฝรั่งเป็นเครื่องดื่มที่ให้วิตามินซีสูง ซึ่งวิตามินซีจะให้ประโยชน์หลายอย่างต่อร่างกายดังนี้ คือ
       1.ช่วยให้กระบวนการสร้างกระดูกและฟันเป็นไปตามปกติ
       2.ช่วยในการดูดซึมและเมทาบอลิซึมของธาตุเหล็กในร่างกาย
       3.ช่วยให้ร่างกายต้านทานโรคติดเชื้อได้ดี โดยเฉพาะโรคหวัดและโรคติดเชื้ออื่นๆ
       4.ช่วยให้บาดแผลหายเร็วและการประสานของกระดูกที่หักให้ดีขึ้น
       5.ช่วยให้หลอดเลือดและเส้นเลือดฝอยแข็งแรงไม่แตกทำลายง่ายและป้องกันเลือดออกจากหลอดเลือดและเส้นเลือดฝอยได้
       6.ช่วยป้องกันมะเร็งที่มีสาเหตุมาจากสารก่อมะเร็ง ไนโตรซามีน (Nitrosamine)
       7.ช่วยลดภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดตีบตัน (Cardiovascular disease)

1 comment: