มากินอาหารที่มีกากใยกันเถอะ

โภชนาการรักษาโรค

มากินอาหารที่มีกากใยกันเถอะ

     เมื่อเอ่ยถึง “กากใย” หลายคนอาจจะคุ้นหรือไม่คุ้นกับคำนี้ แต่ถ้าบอกว่าคือคำเดียวกับ “เส้นใยอาหาร”หรือ “ไฟเบอร์” หลายคนก็คงรู้กันดีมาแล้ว โดยเฉพาะบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งหลายที่มีน้ำหนักตัวเกินปรารถนา หรืออ้วนนั่นแหละ โดยสูตรของอาหารลดความอ้วนทั้งหลายส่วนใหญ่จะมีส่วนประกอบของไฟเบอร์เป็นหลัก ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีอาหารมากมายหลายชนิดที่ผลิตขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่จะลดน้ำหนักตัว ให้มีหุ่นเพรียวบาง สวยงามตามที่ใจปรารถนา จะเห็นได้ธุรกิจประเภทนี้ในปัจจุบันเป็นที่ตื่นตัวกันแพร่หลาย มีผู้ให้การตอบรับกันอย่างมากมายทั้งนี้ก็เพราะมีผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับน้ำหนักตัวสูงขึ้น เกิดโรคอ้วนเข้ามาในสังคมบ้านเรามากขึ้น เนื่องจากนิสัยการบริโภคอาหารของคนไทยเปลี่ยนแปลงไปจากแบบไทยๆ มาเป็นแบบตะวันตกมากขึ้น ซึ่งอาหารเหล่านี้จะมี ไขมัน คาร์โบไฮเดรท และน้ำตาลสูง มีกากใยน้อย ผิดจากอาหารของคนไทยแบบเก่าๆ ที่มีกากใยอาหารมาก มีไขมัน และโปรตีนต่ำ จึงทำให้ไม่ค่อยเห็นคนไทยในสมัยก่อนเป็นคนอ้วนกันสักเท่าไร

 

 

          ไฟเบอร์ หรือ กากใยอาหาร นี้เป็นสารพวกคาร์โบไฮเดรทชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Polysaccharides ซึ่งเป็นสารที่ไม่มีรสหวาน ไม่ละลายน้ำ ไม่ย่อยในกระเพาะของคน ส่วนใหญ่ได้แก่พวก เซลลูโลส (Cellulose), ลิกนิน (Ligin), เฮมิ-เซลลูโลส (Hemi-cellulose), เพคติน (Pectin) และกัม (Gum) สารพวกนี้เป็นผนังเซลล์ของพืช ผัก ผลไม้ต่างๆ ไม่ถูกย่อยในร่างกายมนุษย์ไม่ให้พลังงานหรือสารอาหารแก่ร่างกาย แต่ไฟเบอร์ก็มีประโยชน์มากมายร่างกายจะขาดไม่ได้ การรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง จะไม่พบปัญหาของระบบขับถ่าย ท้องจะไม่ผูก ลดอัตราการเสี่ยงต่อโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารมากกว่าคนที่ไม่ได้รับอาหารที่มีไฟเบอร์หลายเท่านัก เพราะอาหารที่มีไฟเบอร์มากจะช่วยเร่งการเคลื่อนตัวของลำไส้ คุณสมบัติที่ไม่ย่อยสลายและดูดซับน้ำได้ดีช่วยให้ขับถ่ายได้เร็วขึ้น การที่ของเสียถูกขับถ่ายออกจากร่างกายเร็วขึ้น จะนำสารพิษ รวมถึงสารก่อมะเร็งที่ฟักตัวขึ้นจากการหมักหมมออกจากลำไส้ หรือร่างกายของเราด้วย จึงลดอัตราเสี่ยงจากการเกิดมะเร็งในลำไส้ให้น้อยลง

           อาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ ได้แก่ ผัก และผลไม้ต่างๆ ตลอดจนธัญพืช  เช่น ข้าวที่ยังไม่ได้ขัดสี ข้าวซ้อมมือ รำ ข้าวโพด ข้าวโอ๊ด ถั่วเมล็ดต่างๆ เป็นต้น ซึ่งอาหารเหล่านี้นอกจากจะมีไฟเบอร์อยู่สูงแล้วมักจะมี วิตามินซี, เอ และดี อยู่ปริมาณมาก ซึ่งวิตามินเหล่านี้เชื่อว่า ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งบางชนิดได้ นอกจากนี้ยังมีแร่ธาตุจำพวกซีลีเนียมอันเป็นแร่ธาตุหลักในการป้องกันมะเร็งอีกด้วย

           เมื่อมองย้อนไปในสมัยก่อน พบว่าการกินอาหารของคนไทยเป็นแบบไทยๆ มีผัก ผลไม้อยู่แทบทุกมื้อ อันเป็นอาหารที่มีเส้นใยมาก มีไขมันและโปรตีนค่อนข้างน้อย อาหารไทยต่างๆ  เช่น น้ำพริก ผักจิ้ม แกงส้ม แกงเลียง ต้มยำต่างๆ จะมีผักเป็นส่วนประกอบอยู่ทุกอย่าง จึงไม่ค่อยเห็นคนไทยอ้วนสักเท่าไร แต่ในปัจจุบันนี้ค่านิยมการบริโภคอาหารของเราเปลี่ยนไปจากก่อนมาก คือหันมานิยมอาหารตะวันตกกันมาก ซึ่งอาหารของพวกนี้จะเป็นอาหารที่อุดมไปด้วย ไขมัน คาร์โบไฮเดรท น้ำตาล สูงมาก แต่มีเส้นใยอาหารน้อย อาหารส่วนใหญ่ได้แก่พวกขนมปังต่างๆ ธัญพืชที่สำเร็งรูปแล้วพร้อมบริโภคทัน โดนัท เค้ก ขนมพาย คุ้กกี้ สเต็ก แฮมเบอร์เกอร์ แซนวิช พิซซ่า ซึ่งอาหารเหล่านี้ส่วนใหญ่วัตถุดิบจะถูกทำให้บริสุทธิ์แล้ว เส้นใยถูกกำจัดออกไปทำให้รับประทานได้ง่าย สะดวก จึงพบว่าในปัจจุบันนี้มีโรคต่างๆ เพิ่มขึ้นมาซึ่งในสมัยก่อนแทบจะไม่พบเลย ได้แก่ โรคอ้วน โรคหัวใจ มะเร็งลำไส้ มะเร็งระบบทางเดินอาหาร ท้องผูก ริดสีดวงทวาร เส้นเลือดขอด ผนังลำไส้โป่งพอง (Diverticulosis) ไขมันอุดตันเส้นเลือด คอเลสเตอรอลสูง เป็นต้น ซึ่งโรคต่างๆ เหล่านี้ได้มีการศึกษาค้นคว้าวิจัยว่าเกี่ยวกับไฟเบอร์หรือไม่ ผลสรุปออกมาแล้วจากการรายงานของแพทย์ในอเมริกา และยุโรป กล่าวว่า โรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นทุกโรคเกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหารทั้งสิ้น และจากการศึกษาการบริโรคอาหารพบว่า ชนชาติที่เกิดปัญหาเหล่านี้ เป็นชาติตะวันตกเป็นส่วนมาก ส่วนในแถบแอฟริกา เอเชีย จะเป็นโรคนี้น้อยกว่าหลายเท่า เพราะว่าอาหารของชาวแอฟริกาและเอเชียจะมีการบริโภคไฟเบอร์ปริมาณมาก โดยเฉลี่ยแล้วชาวแอฟริกาและเอเชียจะมีการบริโภคไฟเบอร์ประมาณ วันละ 28 กรัม แต่ชาวตะวันตกกินไฟเบอร์เพียงวันละ 7 กรัมเท่านั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า สิ่งที่ช่วยป้องกันโรคเหล่านี้ไม่ให้เกิดขึ้น คือ กากใยอาหารนั่นเอง

          มาถึงตอนนี้ เราคงรู้จักประโยชน์ของไฟเบอร์กันมากขึ้นแล้ว จึงน่าหันมาบริโภคอาหารเหล่านี้ให้มากขึ้น อีกทั้งราคาของอาหารเหล่านี้ก็ไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับอาหารตะวันตก แถมยังช่วยป้องกันโรคต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมายอะไร ทั้งทำให้เรามีสุขภาพที่ดีได้ง่ายๆ นอกจากจะมีผลดีต่อสุขภาพแล้ว ยังมีผลดีต่อด้านจิตใจอีกด้วย กล่าวคือ มีส่วนช่วยให้จิตใจสงบเยือกเย็นลง ถ้ากินต่อไปเรื่อยๆ จะทำให้ความรู้สึกที่จำเป็นต้องเร่งรีบ ความเครียดอารมณ์โต้แย้งหรือวิตกกังวลค่อยๆ หมดไป และสามารถนอนหลับได้ง่ายแล้วตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ได้มาจากการรายงานของผู้ที่ทานอาหารพวกลดน้ำหนักที่มีเส้นใยมาก (แต่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แต่อย่างใด) อันนี้ถ้าอยากรู้คุณก็ต้องลองพิสูจน์กันเอง ด้วยการถามตัวเองว่า “วันนี้คุณได้รับไฟเบอร์แล้วหรือยัง”