โภชนาการรักษาโรค
แมกนีเซียม (Magnesium)
แมกนีเซียม (Magnesium)
แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุที่มีในร่างกายน้อยกว่าแคลเซียม
และฟอสฟอรัส ผู้ใหญ่มีแมกนีเซียม ประมาณ 20-28 กรัม ประมาณ 40% พบอยู่ในกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อต่างๆ
ประมาณ 1% พบอยู่ในน้ำภายนอกเซลล์ (Extracellular
fluid) และที่เหลืออีกประมาณ 50% พบอยู่ในกระดูกและฟันโดยอยู่ในรูปเกลือฟอสเฟตหรือคาร์บอเนต
หน้าที่และประโยชน์ของแมกนีเซียม
1.เป็นองค์ประกอบของกระดูกและฟันช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง
2.ช่วยในการคลายตัว (Relaxation) ของกล้ามเนื้อ ซึ่งหน้าที่นี้ตรงข้ามแคลเซียม
3.เป็นตัวช่วยในการทำงานของเอนไซม์ (Cofactor) ในกระบวนการสร้างโปรตรีน
4.มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
5.เป็นตัวช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ (Cofactor) ในปฏิกิริยา
Oxidative posphorylation ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานของเซลล์ เช่น การทำงานของกล้ามเนื้อ
เมตะบอลิซึมของแมกนีเซียม
แมกนีเซียมจากอาหารที่รับประทานดูดซึมโดยวิธีแอคทีฟที่ลำไส้เล็กตอนต้น
ซึ่งมีสภาวะเป็นกรดสามารถดึงดูดแมกนีเซียมได้ดี
ในกรณีที่มีแมกนีเซียมน้อยจะมีการดูดซึมได้ถึง 75% อาหารที่มีแมกนีเซียมมากจะดูดซึมได้เพียง 25% เท่านั้น นอกจากนั้นปริมาณการดูดซึมแมกนีเซียมมากหรือน้อย
ยังขึ้นอยู่กับปริมาณแคลเซียมในอาหารอีกด้วย คือ
ถ้าอาหารมีแคลเซียมมากการดูดซึมแมกนีเซียมจะมีปริมาณน้อย
แต่ถ้าอาหารปริมาณแคลเซียมน้อยจะดูดซึมแมกนีเซียมได้มาก
ระดับแมกนีเซียมในเลือดควบคุมโดยไต
แมกนีเซียมในเลือดประมาณ 70% ไม่ได้รวมอยู่กับโปรตีน
ดังนั้นจึงถูกไตกรองออกไปได้ แต่แมกนีเซียมประมาณ 30% ที่ถูกกรองออกไปจะดูดซึมกลับคืนเข้าสู่กระแสเลือดที่หลอดไตส่วนต้น (Proximal
tubule) และอีก 65% จะถูกดูดซึมกลับคืนที่หลอดไตส่วน Loop of Henle ในผู้ใหญ่ปกติแมกนีเซียมจะขับถ่ายออกไปทางปัสสาวะประมาณ
100-200 มิลลิกรัมต่อวัน นอกจากนี้แมกนีเซียมบางส่วนจะถูกขับออกทางอุจจาระ
ผลของการขาดแมกนีเซียม
ในภาวะปกติมักไม่พบปัญหาการขาดแมกนีเซียมในคน
เนื่องจากแมกนีเซียมสามารถสลายออกจากกระดูกได้อย่างช้าๆ ซึ่งจะต่างจากแคลเซียม
นอกจากว่าการดูดซึมไม่ปกติ โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันมาก มีแคลเซียมมาก
และมีฟอสเฟตมาก จะทำให้แมกนีเซียมตกตะกอนและดูดซึมน้อยซึ่งจะมีอาการ ดังนี้
1.ทำให้ระบบทางเดินอาหารผิดปกติ
2.ประสาทไว ตกใจง่าย
3.มีอาการผิดปกติของประสาท กล้ามเนื้อ อาการสั่น ไม่สามารถบังคับอวัยวะต่างๆ
ให้เคลื่อนไหวได้ตามต้องการ
4.ผู้ที่ขาดแมกนีเซียม จะมีปัญหาระดับแคลเซียมในเลือดต่ำด้วย
ซึ่งต้องแก้ไขโดยการให้เกลือแร่ทั้งแมกนีเซียมและแคลเซียมควบคู่กันไป
นอกจากนั้นการขาดแมกนีเซียมอาจพบได้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง
ตับแข็ง ภาวการณ์ดูดซึมในลำไส้ผิดปกติ
เช่น โรคสปรู (Sprue) โรคขาดโปรตีน (Kwashiorkor)
และเบาหวาน
ความต้องการแมกนีเซียมในร่างกาย
การดูดซึมแมกนีเซียมที่ลำไส้เล็กและการขับถ่ายออกทางไตเป็นการควบคุมภาวะสมดุลของแมกนีเซียมถึงแม้ปริมาณในอาหารจะเปลี่ยนแปลงมากก็ตาม
ปริมาณแมกนีเซียมที่ควรได้รับประจำวันในแต่ละช่วงอายุ
……………………………………………………………………………………
(กองโภชนาการ กรมอนามัย
กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2532)
แหล่งอาหารที่ให้แมกนีเซียมสูง
อาหารที่มีโปรตีนและฟอสฟอรัสจะมีแมกนีเซียมด้วย ได้แก่
เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่วเมล็ดแห้ง ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี และผักใบเขียว
ปริมาณแมกนีเซียมในอาหารจะลดลงได้มากจากการประกอบอาหารที่เทน้ำทิ้งไป
นอกจากนั้นกระบวนการแปรรูปอาหารประเภทธัญพืชด้วยการขัดสี
ก็จะทำให้สูญเสียแมกนีเซียม เช่น
ข้าวสารที่ขัดสีจนขาว
ปริมาณแมกนีเซียมเป็นมิลลิกรัมต่ออาหาร 100 กรัม
………………………………………………………………
No comments:
Post a Comment