โภชนาการรักษาโรค
น้ำผึ้ง
ผึ้งจัดเป็นแมลงสังคมแท้ชั้นสูง อาศัยอยู่เป็นรัง (Colony) ในแต่ละรังประกอบด้วยผึ้ง
3 ชนิดคือ
ผึ้งนางพญา (Queen) ผึ้งงาน (Worker) ผึ้งตัวผู้
(Drone)
1.ราชินีผึ้ง
นางพญา หรือแม่รัง (Queen) เป็นผึ้งเพศเมียที่มีขนาดใหญ่ที่สุด
มีอวัยวะเพศสมบูรณ์อายุยืนที่สุด และมีอยู่เพียงตัวเดียวในรังทำหน้าที่วางไข่
นับจากวางไข่วันแรกจะออกเป็นราชินีผึ้งเมื่อครบ 16 วัน
ราชินีผึ้ง
เมื่อออกเป็นตัวแล้ว สามารถบินไปผสมพันธุ์บนอากาศได้เมื่ออายุตั้งแต่ 4 วันเป็นต้นไป โดยปล่อยกลิ่น
เมื่อผึ้งตัวผู้ได้กลิ่นจะพากันบินแข่งตามขึ้นไปผสมพันธุ์
ผึ้งตัวใดแข็งแรงที่สุดจะบินตามถึงก่อนจะได้ผสมพันธุ์กับราชินีผึ้ง
ถุงน้ำเชื้อของผึ้งตัวผู้จะขาดติดไปกับราชินีผึ้ง ผึ้งตัวผู้ก็จะตกลงมาตาย
ส่วนราชินีผึ้งก็จะบินกลับรัง ต่อไปอีกประมาณ 2-3 วัน ก็จะไข่ สามารถไข่ได้วันละประมาณ 3,000 ฟอง และจะไข่ไปได้ตลอดชีวิต (2-3 ปี หรือ 3-5 ปี)
ราชินีผึ้งจะมีกลิ่นที่เรียกกันว่า
“Queen
substana” มีหน้าที่สำหรับรวมฝูงผึ้งภายในรังให้อยู่รวมกันและทำให้ผึ้งคอยป้อนอาหารให้ราชินีผึ้งอยู่ตลอดไป
ราชินีผึ้งจะบังคับรังไข่ของผึ้งงานซึ่งเป็นผึ้งตัวเมียเหมือนกันให้ฝ่อ
หากราชินีผึ้งสูญหายไปกลิ่นนี้จะสลายตัว
ผึ้งงานตัวใดตัวหนึ่งจะได้รับการป้อนอาหารและนมผึ้งจากผึ้งงานด้วยกัน
จนกระทั่งรังไข่คอยเจริญเติบโตขึ้นจนสามารถไข่ได้ แต่เป็นไข่ที่ไม่มีเชื้อตัวผู้ ฉะนั้นเมื่อไข่ออกมาจึงเป็นตัวผู้หมด
2.ผึ้งงาน เป็นผึ้งเพศเมีย
มีอวัยวะเพศไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถผสมพันธุ์กับผึ้งตัวผู้ได้ มีจำนวนมากที่สุดในรัง
นับจากวางไข่วันแรกออกเป็นผึ้งงานเมื่อครบ 21 วัน
ทำหน้าที่หาน้ำหวานจากเกสรดอกไม้และที่สำคัญคือเป็นผู้ผลิตรอยัลเจลลี่โดยผลิตจากต่อมที่อยู่บริเวณส่วนหัว
คือ ต่อมไฮโปฟาริงจ์และต่อมแมนดิบิวลาร์
รอยัลเจลลี่ที่ผลิตนั้นจะนำไปเลี้ยงตัวอ่อนของผึ้งทุกชนิดที่มีอายุไม่เกิน 3 วัน เฉพาะตัวอ่อนที่จะโตเป็นราชินีเท่านั้นจะได้รับตลอดชีวิต
จึงเรียกอาหารนี้ว่า “อาหารราชินี” ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ราชินีผึ้งตัวโตที่สุด
ออกไข่ได้มากที่สุด (วันละ 3,000 ฟอง) และอายุยืนที่สุด (3-5 ปี) ในขณะที่ผึ้งอื่นๆ มีอายุเพียง 2-6 เดือน เท่านั้น สำหรับผึ้งตัวผู้และผึ้งงานหลังจากอายุได้ 3 วันแล้ว ก็จะได้รับอาหารอื่นที่เป็นส่วนผสมของเกสรและน้ำผึ้งแทนนมผึ้ง
วันที่สำคัญที่สุดของผึ้งงานคือ
เมื่ออายุได้ 7 วัน
ต่อมผลิตนมผึ้งจะเริ่มทำงานได้ และเมื่ออายุ 12-18 วันต่อมผลิตขี้ผึ้งจะสามารถทำงานได้ โดยผึ้งงานจะกลืนน้ำผึ้งลงไปแล้วกลั่นเป็นขี้ผึ้ง
พออายุได้ 21 วันจะเริ่มออกหาอาหาร เช่น น้ำหวานมากลั่นเป็นน้ำผึ้ง
3.ผึ้งตัวผู้ ตัวเล็กกว่าราชินีผึ้ง
จำนวนประมาณ 700-800 ตัวต่อรัง (ร้อยละ 1) นับจากวางไข่วันแรกจะออกเป็น ผึ้งตัวผู้ เมื่อครบ 24 วัน ผึ้งตัวผู้ไม่สามารถหาอาหารกินเองได้และไม่มีเหล็กในไว้ต่อสู้กับศัตรูเมื่อผสมพันธุ์กับราชินีผึ้งแล้วจะตาย
ถ้าผึ้งงานไม่ให้เข้ารัง เมื่ออยู่ภายนอกหาอาหารกินเองไม่ได้ก็จะดอตายไปในที่สุด
ผึ้งเป็นแมลงเศรษฐกิจที่จำเป็นสำหรับเกษตรกร
ในปัจจุบันนี้มีผู้นิยมการเลี้ยงผึ้งกันมาก
เนื่องจากผู้เลี้ยงจะได้รับประโยชน์จากการเลี้ยงผึ้ง คือ น้ำผึ้ง ไขผึ้ง นมผึ้ง
จะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์จากผึ้งมีหลายชนิดและแต่ละชนิดนั้นต่างก็มีประโยชน์ที่แตกต่างกันไป
ซึ่งในที่นี้จะขอกล่าวถึงคุณประโยชน์ทางด้านโภชนาการของน้ำผึ้ง
น้ำผึ้ง
น้ำผึ้ง
คือ ของเหลวที่มีรสหวาน มีความหนืดสูง เป็นผลผลิตที่ได้จากผึ้ง
โดยผึ้งจะได้ความหวานมาจากเกสรดอกไม้นานาชนิด
ผึ้งผลิตน้ำผึ้งได้อย่างไร
เมื่อผึ้งเก็บน้ำหวานจากดอกไม้ลงสู่กระเพาะจะมีน้ำย่อย
(Enzyme)
จากต่อมน้ำลายขับออกมาเปลี่ยน น้ำตาลกลูโคสและพรุคโตส ให้เป็นน้ำตาลแปรรูป
(Invert sugar) คือ น้ำตาลลีวูโลส และเดคโทรส
นอกจากนั้นยังมีน้ำตาลอื่นๆ อีกแต่มีจำนวนน้อยมาก
การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ผึ้งเริ่มบินกลับรังในขณะที่ผึ้งกระพือปีกจะเกิดพลังงานความร้อนช่วยเร่งการทำงานของเอนไซม์ตลอดจนช่วยลดความชื้นในน้ำหวานให้กลายเป็นน้ำผึ้งเร็วขึ้น
เมื่อผึ้งงานกลับถึงรังจะคายน้ำหวานแปรรูปนี้ให้กับผึ้งงานประจำรัง
ซึ่งจะรับกันด้วยปากต่อปาก น้ำหวานแปรรูปนี้ยังไม่เป็นน้ำผึ้งที่สมบูรณ์
เพราะยังมีความชื้นมากถึง 30-40% ต่อมาผึ้งงานประจำรังจะนำน้ำหวานไปเก็บในหลอดรวงน้ำผึ้ง ตอนเย็นผึ้งกลับรังกันเป็นส่วนใหญ่
จะช่วยกันกระพือปีกช่วยให้มีการระเหยของน้ำหวานอีกจนเป็นน้ำผึ้งที่สมบูรณ์มีน้ำเหลืออยู่เพียง
20-25% เท่านั้น
หลังจากนั้นผึ้งงานจะใช้ไขผึ้งปิดหลอดรวงที่เก็บน้ำผึ้งไว้ใช้เป็นอาหารต่อไป
ในบางกรณีพบว่าน้ำผึ้งมีรสขม ทั้งนี้เนื่องจากผึ้งไปเก็บน้ำหวานที่มีรสขมจากพืชบางชนิดมาทำเป็นน้ำผึ้ง
นอกเหนือจากความแตกต่างในเรื่อง รส กลิ่น และสีแล้ว น้ำผึ้งจากดอกไม้ต่างชนิดกัน
ยังมีองค์ประกอบของน้ำตาลแตกต่างกันไปด้วย
จึงทำให้น้ำผึ้งมีคุณสมบัติเฉพาะที่แตกต่างกัน
………………………………………………………………
ส่วนประกอบส่วนย่อย ได้แก่ แร่ธาตุต่างๆ รงควัตถุ
โปรตีน น้ำย่อย วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี6 กรดนิโคตินิก
ปริมาณส่วนประกอบย่อยเหล่านี้ขึ้นอยู่กับชนิดของดอกไม้
ความจริงเกี่ยวกับน้ำผึ้ง
1.น้ำผึ้งมีวิตามิน เกลือแร่ และเอนไซม์หลายชนิด
2.อาหารที่ทำด้วยน้ำผึ้งจะสดอย่างธรรมชาติ อยู่ได้นานกว่าปกติ
โดยไม่ต้องใส่สารกันหืน เนื่องจากแบคทีเรียไม่สามารถมีชีวิตอยู่ในน้ำผึ้งได้
3.น้ำผึ้งจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดเพื่อใช้เป็นพลังงานได้ทัน โดยไม่ต้องถูกย่อยอีก
เนื่องจากได้ถูกย่อยมาก่อนแล้วโดยน้ำย่อยจากต่อมน้ำลายของผึ้งขณะเก็บน้ำหวานจากดอกไม้ลงสู่กระเพาะ
4.ให้ใช้น้ำผึ้งสดที่ยังไม่ผ่านกระบวนการ เพราะความร้อนจะไปทำลายวิตามินได้
น้ำผึ้งบำรุงผิว
1.ช่วยให้ผิวตึงเอาน้ำมะนาว 2-3 หยด ใส่ในน้ำผึ้ง 2-3 ช้อนชา ผสมจนเข้ากันได้ดี แล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 15 นาที หรือจนรู้สึกผิวตึงจึงใช้น้ำอุ่นล้างออก
2.แก้สิวหัวดำ และจุดด่างดำ อุ่นน้ำผึ้งแล้วใช้ทาทั่วใบหน้า ใช้มือแตะๆ
จนทั่วซึ่งเป็นการช่วยให้หน้าตึงและช่วยเอาเลือดขึ้นสู่ผิวหน้า ทำให้ผิวสะอาดหลังจากนั้นล้างด้วยน้ำอุ่นและตามด้วยน้ำเย็น
น้ำผึ้งรักษาโรค
1.น้ำผึ้งใช้เป็นยาแก้ไอขับเสมหะ น้ำตาลในน้ำผึ้งจะช่วยให้ชุ่มคอ
ลดการระคายเคือง จึงมักจะพบว่านำไปผสมกับยาแก้ไอ
หรืออาจใช้น้ำผึ้งผสมน้ำมะนาวและเกลือเล็กน้อยจิบกินหรือชงน้ำกินวันละ 3-4 ครั้ง
2.น้ำผึ้งรักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กเป็นแผล
3.น้ำผึ้งใช้เป็นยาบำรุง เนื่องจากน้ำผึ้งมีส่วนประกอบหลายอย่าง เช่น น้ำตาล เกลือแร่ และวิตามินบางอย่าง
4.น้ำผึ้งใช้ในการรักษาแผลติดเชื้อต่างๆ รวมทั้งแผลไฟไหม้
ทั้งนี้เพราะน้ำผึ้งมีปริมาณน้ำตาลสูง จึงสามารถดูดความชื้นจากบริเวณรอบๆ
รวมถึงเชื้อโรคต่างๆ เข้าไปไว้ในน้ำผึ้งได้ ทำให้เชื้อโรคไม่สามารถเจริญเติบโตได้
การเก็บรักษาน้ำผึ้ง
1.ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้ คือ มีน้ำไม่เกิน 18 เปอร์เซ็นต์ สามารถจะเก็บไว้ได้นาน โดยไม่เปลี่ยนแปลง แต่ถ้ามีเปอร์เซ็นต์ของน้ำสูงจะเก็บไว้ไม่ได้นาน
วิธีแก้ไข
ควรนำน้ำผึ้งไปตั้งไฟอ่อนๆ เคี่ยวเพื่อให้น้ำระเหยออกไปบ้าง
เมื่อมีความเหนียวพอสมควรก็ยกลงทิ้งไว้ให้เย็น จะสามารถเก็บน้ำผึ้งไว้ได้นาน
ข้อควรระวัง
คือ อย่าใช้ไฟแรงหรือต้มให้เดือด เพราะสารบางอย่างในน้ำผึ้งจะถูกทำลาย
ทำให้คุณภาพของน้ำผึ้งลดลง
2.ควรเก็บที่อุณหภูมิต่ำในตู้เย็น ปิดฝาให้สนิท
เพราะถ้าเก็บในที่ที่มีอุณหภูมิสูง จะทำให้น้ำผึ้งเปลี่ยนสีและทำให้คุณภาพลดลงได้
สรุป
น้ำผึ้งนอกจากใช้ในอุตสาหกรรมยาแล้ว ยังใช้ทำขนมหวาน ขนมปัง
ลูกกวาด และผสมเครื่องดื่ม เช่น น้ำมะนาว
นอกจอกจะทำให้มีรสอร่อยแล้ว ยังมีคุณค่าทางอาหารสูงมากอีกด้วย
นอกจากนี้แล้วน้ำผึ้งยังใช้แทนน้ำตาลปรุงรสอาหารได้เกือบทุกชนิด ดังนั้น
การรับประทานน้ำผึ้งเพื่อสุขภาพ ควรรับประทานวันละ 1-2 ช้อนโต๊ะ
Ti 89 titanium calculator for use with calculator - ITNBI
ReplyDelete1 Ti 89 timetare. If surgical steel vs titanium you like to try out the calculator and titanium tubing read the information you need on this page, titanium dioxide the best titanium bars thing to do is click on the right titanium white octane blueprint button